ร้อนๆ จากเตา Mazda 3 2014 นำเสนอผ่านความหล่อและนวัตกรรม SKYACTIV ทั้งเครื่องยนต์สมรรถนะสูง ช่วงล่าง เกียร์ ตัวถัง ชุดบังคับเลี้ยว และระบบแอรโร่ไดนามิก มาครบๆ เบนซิน หรือดีเซลเทอร์โบคู่ ครอบคลุมทุกการใช้งานบนความอลังการของเทคโนโลยี...
ค่าย Zoom Zoom ปล่อยของร้อนเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ของ Mazda 3 เจเนอเรชั่น 3 ที่มาพร้อมกับความงดงามของดีไซน์และพละกำลัง เทคโนโลยี SkyActiv ทั้งเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง และตัวถัง ส่งถ่ายประสิทธิภาพผ่านรูปลักษณ์ใหม่หมดที่โดนใจวัยโฮโมน
หลังจากการทำตลาดที่ดีของรุ่น 3 เวอร์ชั่นที่ 2 ก็ถึงเวลาซะทีที่ค่าย Mazda จะปล่อยทีเด็ดทีขาดตามออกมา รถ 3 รุ่นล่าสุดยังคงแอบอิงกับดีไซน์ KODO ที่ Mazda ยึดมั่นมาตลอดระยะเวลา 4-5 ปี ในการผ่องถ่ายเรือนร่างของรถต้นแบบไปสู่ยนตรกรรม ภายในค่ายทุกๆ รุ่น KODO Design คือการสื่อสารผ่านกลุ่มลูกค้าและผู้ที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์ของค่าย Zoom Zoom รถ Mazda 3 2014 มีระบบอากาศพลศาสตร์ที่ดี โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานของอากาศอยู่ที่ 0.27 (CD-0.27) การออกแบบที่เน้นหนักในด้านความลู่ลม และมีสัดส่วนที่กระชับมากยิ่งขึ้น ทำให้มันขึ้นถึงจุดสูงสุดของแฮตชแบค 5 ประตู ที่มีรูปลักษณ์งดงามโดนใจ
กระจังหน้าขนาดใหญ่ทรง 5 เหลี่ยมได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของรถรุ่นใหม่ ในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากเมืองฮิโรชิมา กลเม็ดในการทำรถของ Mazda นอกจากจะเน้นหนักในด้านเรือนร่างแบบใหม่แล้ว ระบบรองรับที่ขึ้นชื่อลือชาว่าหนึบแน่นก็ยังคงถูกใส่ไว้ใน Mazda 3 รุ่นล่าสุดเหมือนเดิม ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ซีนอน สอดประสานไปกับแนวของกระจังทรงห้าเหลี่ยมและชิ้นงานสปอยเลอร์หน้า ที่คลุมปิดทับส่วนหน้าของรถทั้งหมด สำหรับตำแหน่งของไฟตัดหมอกนั้นวางตัวอยู่บนชิ้นงานพลาสติกสีดำ ซึ่งตัดกับสีของตัวถังอย่างชัดเจน
ความงามของ 3 รุ่นใหม่ จะเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้นเมื่อมองดูที่ด้านข้างของตัวรถ เส้นสายที่พลิ้วไหวตามสไตล์ KODO มีทั้งสัดส่วนที่คอดและเว้า กลมกลืนไปกับแนวตัวถังด้านข้าง โป่งล้อถูกขยายออกไปอีกเล็กน้อย พร้อมด้วยล้ออะลูมินั่มอัลลอยลายสิบก้านคู่ที่งดงาม จนไม่ต้องไปหามาเปลี่ยนใหม่ให้วุ่นวาย กระจกมองข้างยึดติดกับบานประตู เพื่อสื่อให้เห็นถึงความสปอร์ตของมัน จุดที่สวยงามลงตัวอีกจุดคือ ตำแหน่งและความเอนในองศาแบบไม่ธรรมดาของเสาหลัง ที่สอดประสานไปกับแนวโค้งมนของหลังคา เส้นที่เน้นสันคมๆ ลากไปจนจดกับแนวไฟท้าย
เมื่อคุณขับจี้ท้ายเจ้า 3 ตัวใหม่ ความดิบโหดมากกว่าด้านหน้า จะพบเห็นได้ทันทีตรงบริเวณแนวของฝาท้าย ไฟท้ายและสปอยเลอร์หลัง ทีมดีไซน์ของ Mazda ซึ่งเป็นชาวอาทิตย์อุทัยทั้งหมด เข้าใจหลักการของการออกแบบสัดส่วนบั้นท้ายของรถยนต์แบบแฮตชแบคได้ดี เนื่องจากออกแบบติดๆ กันมาแล้วหลายต่อหลายรุ่น ฝาท้ายมีเหลี่ยมมุมที่ค่อนช้างซับซ้อน เนียนตา กลมกลืนไปกับไฟท้ายทรงเฉียวที่ใช้หลิดแอลอีดีภายใน ชิ้นงานพลาสติกสีดำถูกนำมาใส่ไว้ในกันชนหลัง หรือสปอยเลอร์หลัง แล้วแต่จะเรียก ท่อระบายไอเสียที่มุมของสปอยเลอร์หลังข้างละท่อดูดุดันสมกับมาดของสปอร์ตแฮตชแบคในเวอร์ชั่นที่ 4 รถ Mazda 3 2014 ใส่ล้อขอบ 18 นิ้ว พร้อมยางคุณภาพสูงของ TOYO เป็นยางสปอร์ตเนื้อนิ่ม รุ่น Proxes ขนาด 225/45/R18 ความแบนและกว้างของตัวถัง ทำให้มันดูใหญ่กว่ารุ่นที่แล้วเล็กน้อย
ห้องโดยสารคล้ายกับ Series-3 ของ BMW แม้วัสดุอุปกรณ์จะไม่หรูเท่า แต่ก็มีความโดดเด่นมากที่สุดในกลุ่มรถยนต์ระดับนี้ อุปกรณ์ที่ติดตั้งออกแบบให้คนขับเป็นจุดศูนย์กลางของรถ ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย จากการจัดวางตำแหน่งที่ดี คอนโซลหน้าได้รับการติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลของการขับขี่โดยละเอียด เป็นจอภาพแบบล่าสุด ที่ให้ความคมชัดสูง แม้จะถูกแดดส่องก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน จอแบบใหม่ใน Mazda 3 2014 มีชื่อเรียกว่า The New Active Driving Display Information ซึ่งถูกโปรแกรมฟังก์ชั่นของการใช้งานให้มีความครอบคลุมและอำนวยประโยชน์ให้กับคนขับขณะขับขี่ ช่วยลดขั้นตอนของการใช้งาน ด้วยการเข้าเมนูที่สะดวกและรวดเร็ว ด้วยแป้นคอนโทรลที่มีความคล้ายคลึงกับ iDRIVE ของ BMW
อุปกรณ์ภายในพวกหน้าปัดมาตรวัดนั้น Mazda ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า ทำออกมาได้โดนและแตกต่างจากรถยนต์ญี่ปุ่นยี่ห้ออื่นอยู่พอสมควร เอกลักษณ์ของมาตรวัดแบบสปอร์ตยังคงสื่อให้เห็นในเจ้า 3 ตัวใหม่ มาตรวัดความเร็วมีหน่วยทั้งไมล์ต่อชั่วโมงและกิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อการอ่านค่าที่รวดเร็ว ส่วนมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ วางตำแหน่งอยู่ในมุมด้านซ้ายของมาตรวัดความเร็ว จอ MID-Multi Information Display อยู่ด้านขวาสุดของกรอบหน้าปัด แจ้งเตือนถึงระดับเชื้อเพลิงในถังต่อระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึง ทริปมิเตอร์ ทั้ง A และ B แจ้งอุณหภูมิภายนอก ระดับของการใช้พลังงาน พวงมาลัยทรงสปอร์ตแบบสามก้านหุ้มหนังแท้สีดำเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายแดงตามแนวทางของความนิยม สำหรับคันเกียร์มีหัวเกียร์หุ้มหนังและวัสดุพวกซาตินโครเมี่ยม เน้นรายละเอียด
เครื่องยนต์เทคโนโลยี SkyActiv เริ่มด้วยรุ่นถูกสุดเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบเบนซินแถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว 4 วาล์วต่อสูบ พร้อมกลไกวาล์วแปรผันต่อเนื่อง ให้กำลังสูงสุด 100 แรงม้า กับแรงบิดพอท้วมๆ ที่ 160 นิวตันเมตร ขยับอีกนิดไปที่รุ่น 2.0 ลิตร ที่แรงกว่ากันเยอะ มีแรงม้า 155 แรงม้า กับแรงบิด 203 นิวตันเมตร เครื่องยนต์ติดตั้งระบบ i-STOP หรือ Auto Start/Stop เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงและลดมลพิษ โดยจะดับเครื่องยนต์แบบอัตโนมัติทุกครั้งที่จอดติดไฟแดง หากยังไม่สาแก่ใจก็มีรุ่น 2.5 ลิตร SkyActiv ที่แรงเหลือกำลังลาก กำลังเพิ่มเป็น 187 แรงม้ากับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังหรือเกียร์มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์ออโต้ 6 สปีดเทคโนโลยี SkyActiv อีกเหมือนกัน
ทั้งหมดทั้งปวงยังมีรุ่นเจ๋งสุด เป็นรุ่นที่วางเครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูง ขนาด 2.2 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบแฝดที่ทำงานต่างรอบกัน เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว แคมคู่ หรือ DOHC จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบคอมมอลเรลไดเร็กอินเจ็กชั่น หัวฉีดแรงดันสูงกับกำลังอัด 14.0:1 ให้แรงม้า 155 แรงม้า แต่มีแรงบิดระดับเดียวกันกับ BMW Series-3 F30 320D ด้วยตัวเลข 380 นิวตันเมตร ไล่บี้รถซีดานค่ายใบพัดได้อย่างสบายๆ สำหรับบ้านเราคงต้องอดใจรอกันสักพัก ก่อนที่ Mazda จะนำเข้ามาทำตลาด แต่หากช้าเหมือนกับที่ผ่านมา ยอดขายคงดันได้ไม่สุดนัก ยังไงก็มาเร็วๆ หน่อยละกัน เห็นใจคนรอเถอะ.